ยุคนี้เหมือนคนจะเป็น “ร้อนใน” กันเยอะครับ ชีวิตที่รีบเร่ง อาหารการกิน รวมไปถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุของการ “ร้อนใน” ทั้งนั้น เดี๋ยววันนี้เรามาพูดถึงว่าหมอจีนมองอาการ “ร้อนใน”เป็นอย่างไร
อาการ “ร้อนใน” คืออะไร? คร่าวๆก็คงมีอาการเหงือก กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก ลิ้นที่จู่ๆก็เป็นแผล (ไม่นับแผลที่กัดเองนะ) คอแห้ง ปากขม หิวน้ำ เจ็บคอ สิวขึ้น ตาแห้ง โพรงจมูกแห้ง ท้องผูก เป็นต้น ผมเคยร้อนในถึงขั้นรู้สึกว่าจมูกร้อนวูบวาบ ได้กลิ่นเลือด เหมือนเลือดกำเดาจะไหลเลยนะ
คำว่า “ร้อนใน” นี้ถ้าจับมาอธิบายก็คงได้ความว่า มี “ไฟ” มาเผาทำให้ข้างในร่างกายเราร้อน ซึ่งอาการที่บอกมาข้างบนก็เหมือนอาการโดนไฟเผาจริงๆ เพราะฉะนั้นต้นกำเนิดของ “ร้อนใน” มาจาก “ไฟ”ครับ
แล้ว “ไฟ” ในร่างกายมาจากทางไหนได้บ้างละ เราจะได้ไปตัดไฟแต่ต้นลม อาการร้อนในก็จะหายไปเอง ตรงนี้ขอแบ่งไฟออกเป็นสองแบบ
หนึ่งคือ ร้อนจริงไฟจริง ไม่มีตัวแสดงแทน โดยมากมักมาจากอาหารการกินครับ หรือที่เราเรียกว่ากินของร้อนใน เช่น กินของ ทอด ของมันๆ ขนม น้ำตาล ทุเรียน ลำไย เหล้า้เบียร์ เป็นต้น พอกินอาหารพวกนี้ลงไป กระเพาะจะร้อน ธาตุไฟเผาขึ้นจึงเกิดอาการร้อนในดังที่ว่า กลุ่มนี้กินพวกยาขม ยาแก้ร้อนในที่ขายกันตามท้องตลาด มะระ สาลี่ บอระเพ็ด ฟ้าทะลายโจร แตงกวา ฟัก อาหารที่มีฤทธิ์เย็นต่างๆ ไปดับร้อน หรือไม่ก็ดูแลการขับถ่ายให้ปกติ เมื่อไฟที่กระเพาะมีทางออก ร้อนในก็จะหายไปเอง รักษาค่อนข้างง่าย แต่ไม่ควรกินระยะยาว เพราะอาหารธาตุเย็นมันทำลายระบบการย่อยอาหารของคนครับ ผมจึงไม่สนับสนุนการกินฟ้าทะลายโจรในระยะยาวโดยคิดว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะ
ร้อนในชนิดร้อนจริงนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก เพราะนี่คือร้อนในแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ทั้งยังคิดว่ามันมีอยู่แบบเดียวด้วยซ้ำ ซึ่งผิดมากๆ การเข้าใจผิดครั้งนี้ทำให้สุขภาพของคนไทยย่ำแย่โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
“ร้อนใน” คำนี้จริงๆแล้วผมว่าตั้งชื่อได้ไม่ถูกต้องซะทีเดียวนะครับ เพราะมันทำให้คนเข้าใจว่ามีไฟอยู่ข้างใน อีกทั้งคนไทยเ้ข้าใจว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เพื่อความสมดุลจึงควรกินของเย็นๆเข้าไป หวังดับไฟอันนั้นซะ ซึ่งผิด ผิด และผิด
นี่จึงเป็นที่มาที่ผมต้องพูดถึงร้อนในประเภทที่สอง นั่นคือ “ร้อนนอกแต่เย็นใน” เรียกง่ายๆว่า “ร้อนปลอม”ครับ ตรงนี้ต้องใช้หยินและหยางมาอธิบาย หยินคือเย็น เปรียบเหมือนเครื่องจักร หยางคือร้อน เปรียบเหมือนพลังงาน ทุกวี่วันนี้คนเราใช้พลังงานเยอะมาก นอนน้อย ทำงานหนัก ชอบกินของเย็นๆ (น้ำแข็ง ไอศครีม) ล้วนแล้วแต่ใช้หยางทั้งนั้น ใช้เยอะของมันก็ต้องหมด หยางพร่องหยินก็จะแข็งแรง เนืองจากสภาวะปกติมันคานอำนาจกันอยู่ พอหยางอ่อนแรงลงหยินที่เยอะกว่าจึงผลักหยางออกไป กฎธรรมชาติข้อนี้สามารถเห็นได้ในทุกๆเรื่องแม้แต่การเมือง หึๆ
หยางโดนผลักออกไปเลยเกิดเป็นอาการร้อนในขึ้น มีอาการครบเหมือนเป๊ะกับ ทุกอย่างที่กล่าวมาไม่ว่าจะปากเป็นแผล สิวขึ้น ตาแห้ง จมูกแห้ง คอแห้ง ปากขม อาจจะมีอาการท้องผูกบ้างในบางราย แ่ต่คนกลุ่มนี้มักจะถามตัวเองว่า
“เราร้อนตรงไหนวะ”
“ขี้หนาว มือเท้าเย็นขนาดนี้ ร้อนในได้ไง?”
“ร้อนในน่าจะคึกคักเพราะไฟมันแรงนี่นา ทำไมถึงได้เหนื่อยๆเพลียๆไม่มีเรี่ยวแรงเลยล่ะ?”
“กินอาหารฤทธิ์เย็นป้องกันตัวอยู่ตลอด ทำไมมันถึงไม่หายร้อนซะทีละ ทำไมยิ่งกินถึงยิ่งเป็นร้อนในง่ายขึ้น?”
มีคนพยักหน้าตามผมบ้างไหม? ผมนี่แหละเป็นคนนึงที่เป็นแบบนี้ แต่ก่อนผมร้อนในง่ายมากครับ กินมันฝรั่งทอดชิ้นสองชิ้นก็ปากเป็นแผล เจ็บคอซะแล้ว คนอื่นกินกันห้าหกซองไม่สะทกสะท้าน ตั้งแต่ เด็กโดนที่บ้านปลูกฝังว่า ปากเป็นแผล ท้องผูกก็ไปกินยาขมแก้ร้อนในสิ กินซะจนร่างกายเสียสมดุลไม่รู้เรื่อง จนตอนนี้มาเรียนหมอจีนถึงได้ตระหนักและรีบแก้ไข
ที่ขี้หนาว ร่างกายไม่มีแรงก็เพราะว่าธาตุหยาง พลังงานไม่พอไงครับ ที่กินอาหารฤทธิ์เย็นแล้วยังไม่หาย หรือเป็นหนักกว่าเดิมก็เพราะว่าต้นเหตุของปัญหาคือธาตุหยินธาตุเย็นเต็มร่าง กายไปหมดแล้ว ยิ่งกินก็ยิ่งแย่สิครับ
มีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยแยกได้ว่าเราร้อนในจริงหรือเปล่าก็คือ เรื่องขับถ่าย คนร้อนจริงอุจาระจะแข็งครับ แล้วก็มีความอยากถ่าย (ปวดขี้นั่นแหละ) ส่วนคนร้อนปลอมส่วนใหญ่จะท้องผูกเพราะไม่มีแรงเบ่ง ไม่ปวดอึ และถึงไม่อึก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไรมาก อุจาระจะมักไม่แข็ง หรือถึงแข็งก็แข็งเฉพาะตอนต้น พอถ่ายออกแล้วท่อนหลังๆจะเหลวๆแทน คนร้อนปลอมถ้าท้องไม่ผูก ก็อาจจะท้องเสียครับ ถ่ายเหลวตลอด อุจาระที่เหลวเป็นน้ำก็คือธาตุหยินที่เต็มร่างกายไปหมดนี่เอง อันหลังนี่เป็นประเภทเข้าขั้นรุนแรงแล้วครับ ควรรักษาด่วนครับ อย่างผู้ติดเชื้อ HIV ปากจะเป็นแผล (แผนปัจจุบันบอกว่าเพราะภูมิต้านทานต่ำ) แต่ส่วนใหญ่แล้วท้องเสียครับ อันนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของร้อนปลอมครับ หรือผู้สูงอายุบางท่านที่มีอาการขี้หนาว มือเท้าเย็น แต่ร้อนในและท้องผูกก็เป็นเคสนี้ด้วยเช่นกัน
การรักษาโรคร้อนปลอมนี้ไม่ควรไปกินอาหารที่ทำให้ร้อนในครับ ไม่ใช่ว่าให้ซัดเหล้าเบียร์แล้วจะหาย แม้อาหารพวกนี้จะมีฤทธิ์ร้อน แต่ก็แก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด หมอจีนจะให้การรักษาด้วยยาบำรุงธาตุหยาง เมื่อหยางแข็งแรงแล้วก็จะกลับไปงัดกับหยินต่อ ไม่โดนผลักออกไปอีก แล้วร้อนในจะหายไปเองครับ อย่างผมตอนนี้กินของทอดๆแล้วไม่ร้อนในง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
อ่านจบมาถึงตรงนี้แล้วก็ลองวิเคราะห์ตัวเองดูครับ คราวหน้ามี “ร้อนใน” ก็อย่าหลับหูหลับตากินแต่ของที่มีฤทธิ์เย็นเพราะคิดว่าตัวเองร้อนใน ให้ถามตัวเองก่อนทุกครั้งว่า “ร้อนใน ร้อนไหน ร้อนจริงไหม” ครับ
related link:
Super Recommended ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกต้อง
ปรัชญาดอกไม้ริมทาง – นอน นอนเถิดนอน อยากให้เธอเข้านอน (วิธีชาร์จธาตุหยางด้วยการนอน)
ต้นฉบับจาก พี่ หมอเชน – หมอจีนกับอาการร้อนใน
ทำลิงค์ตอนท้ายผิดแล้วฟิวส์ ไปลิงค์กับบล็อกบองเต่าแทนเว้ย
คุณฟิวส์ รบกวนขอรายละเอียดที่จะแก้อาการร้อนปลอมได้ป่ะคะ หรือถ้าต้องกินยาจีนรบกวนขอชื่อยาด้วย?อยู่ต่างประเทศแต่มีร้านจีนจะได้ซื้อยาจีนถูก
จากลักษณะการขับถ่ายของคนที่เป็นร้อนปลอม
ผมเป็นแบบนั้นเลยครับ
รบกวนแนะนำ
แพทย์แผนจีน ที่ไหนดี?
ค่าใช้จ่ายสูงไหม?
ปล.เคยได้ยินว่ามีที่หัวเฉียว เทียนฟ้า
ถ้ามีที่อื่นที่ดีช่วยแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณครับ ^^
ผมพบว่าข้อมูลหน้านี้ของคุณเหมือนกับเว็บนี้ทั้งหมด
http://aunlamun.exteen.com/20090913/entry
คุณเป็นคนเดียวกับเขาหรือเปล่าครับ?
ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยหรอกครับ
เพีียงแต่หวังดี
สวัสดีครับคุณ “สวัสดีครับ” มันเป็นบทความเดียวกันครับ
ผมเป็นคนละคนกับเจ้าของบล็อกนะครับ
และผมได้ขออนุญาติพี่เซนเจ้าของบทความ เพื่อมาเผยแพร่แล้วครับ (คนที่คอมเม้นคนแรกคือเจ้าของบทความครับ)
สวัสดีค่ะ เป็นร้อนในและมีแผลในปากตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แต่ช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา มันเริ่มมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยและร้อนมากกว่าเดิมคือพอเริ่มรู้สึกร้อนใน เท้าจะเย็นมาก (จนตอนนี้ต้องใส่ถุงเท้าตลอดเวลาค่ะ) จะรู้สึกคันตามตัวและใบหน้า โดยเฉพาะที่หน้าพอร้อนในและคัน ก็จะเริ่มมีสิวอักเสบและที่สิวนี้จะคันมากค่ะ และในช่วงหน้าร้อนนี้ ก็จะเป็นภูมิแพ้คือไอมากจนมากที่สุดค่ะ (อาการที่กล่าวมานั้นเป็นมาประมาณ 4 ปีแล้วค่ะ) ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วรู้สึกร้อนมากจนรู้สึกว่าปากเริ่มคล้ำ ผมก้อร่วงเยอะมาก (ตอนนี้ก็ยังร่วงอยู่ค่ะ) อาการอื่นก็ยังมีเหมือนเดิมค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอาการไอค่ะ ก็เลยอยากรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นร้อนจริงหรือหลอก ค่ะ
(เป็นคนผิวขาวหลือง แต่ปัจจุบันหน้าซีดค่ะ รู้สึกเหมือนไม่มีเลือดเลยค่ะ)
ช่วยตอบด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ