นักข่าวผู้หนึ่ง ได้เข้าไปสัมภาษณ์คนงานก่อสร้างที่กำลังสร้างโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟของกรุงไทเปประเทศไต้หวันว่า
“คุณรู้สึกอย่างไรที่มาทำงานที่นี่?” เป้าหมายอยู่ที่ชายชราผู้หนึ่ง
“จะมีอะไร? ลำบากกับการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตกเย็นพอรับค่าจ้าง ขอแค่พอซื้อเหล้าสักขวดกลับบ้านไปดื่ม ก็พอใจแล้ว! ”
ชายชราตอบอย่างขอไปที อีกคนหนึ่งที่เป็นชายวัยกลางคน กับคำถามเดิม
“มีงานให้ทำ ก็ค่อยยังชั่ว แต่เต้นรำกับทำงานไหนเลยจะเทียบกันได้” และพูดต่ออีกว่า “ก็แค่ทำไปวันๆ วันหนึ่งผ่านไปเร็วจะตาย!”
คนที่สามเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งกำลังขะมักเขม้นกับการทำงาน
“ผมคิดว่างานที่ทำอยู่นี้มีความหมายมาก”
“ทำไมล่ะ? ”
“คุณดูสิ! ผมกำลังขุดดินตรงนี้ซึ่งต่อไปตึกแห่งนี้อาจจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในไทเปก็ได้ ในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาพัก ผมเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ก่อสร้างมันขึ้นมา
ไม่ใช่มีความหมายดอกหรือ? และต่อไปในอนาคตผมก็ยังสามารถคุยโอ้อวดกับลูกได้อีก? ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างมีความเชื่อมั่น
คำถามเดียวกัน กับผู้ที่ทำงานในสถานที่เดียวกัน และต่างก็ได้รับเงินเดือนที่เหมือนๆกัน แต่กลับมีมุมมองและความคิดต่อการทำงานที่ต่างกันได้เพียงนี้ จากตรงนี้ทำให้เราสามารถ
มองเห็นว่า แต่ละคนต่างก็มีปรัชญาและมุมมองชีวิตที่ต่างกัน และที่สำคัญ ความสำเร็จก็ต่างกัน
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อจิตใจ คือ ความสุข
สิ่งปลอบประโลมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อจิตใจ คือ ความคุ้มค่า
ปฏิปักษ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อจิตใจ คือ ความขัดแย้ง
พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อจิตใจ คือ การมุ่งแสวงหาความก้าวหน้า