“ไม่รู้จักตนเอง”
(หลื่อสื้อชุนชิว บรรพจี้ชิว)
ที่เรื่องราวเป็นไปเช่นนั้น ย่อมต้องมีสาเหตุ หากเราไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้น แม้จะรู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น แต่ก็จะเสมือนไม่รู้อะไรเลย เพราะยังงุนงงไม่เข้าใจว่าเกิดผลเช่นนั้นขึ้นได้อย่างไร
บุรพกษัตริย์, ปราชญ์ผู้ทรงภูมิ บัณฑิตผู้มีชื่อเสียง มีความเหนือกว่าสามัญชนก็ตรงที่ท่านเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น
น้ำกำเนิดแต่ภูเขาแล้วไหลสู่ทะเล น้ำมิได้รังเกียจภูเขาหรือชมชอบทะเล หากเป็นเพราะภูมิประเทศสูงต่ำทำให้เป็นไป ข้าวกำเนิดในทุ่งแต่ถูกเก็บไว้ในฉาง ข้าวมิได้ปรารถนาจะเข้าไปอยู่ในฉาง แต่เพราะคนต้องการใช้ข้าวจึงนำไปเก็บไว้ในฉาง ดังนั้นเมื่อจื่อลู่ (ศิษย์ขงจื๊อ) จับไก่ฟ้าได้ (ท่านรู้ว่าไก่ฟ้าเป็นสัตว์ป่าควรจะอยู่ในป่า) จึงปล่อยไป
เลี่ยจื่อ (เลียกจื๊อ) ฝึกฝนยิงธนู ครั้นยิงถูกเป้าจึงไปบอกอาจารย์กวนจวิ้นจื่อ กวนจวิ้นจื่อถามว่า “เอ็งรู้สาเหตุหรือเปล่าว่าทำไมยิงถูก” เลี่ยจื่อว่า “ไม่ทราบ” กวนจวิ้นจื่อจึงว่า “เช่นนั้นข้าก็ยังบอกเอ็งไม่ได้”
เลี่ยจื่อจึงฝึกฝนต่อไปอีกสามปีแล้วกลับไปปรึกษาอาจารย์ใหม่ กวนจวิ้นจื่อถามอีกว่า “เอ็งรู้สาเหตุหรือเปล่าว่าทำไมยิงถูก” เลี่ยจื่อว่า “ทราบแล้ว” กวนจวิ้นจื่อจึงว่า “ถ้างั้นก็ใช้ได้ เอ็งจงจดจำตามหลักนั้นอย่าได้หลงลืม”
มิเพียงแต่การยิงธนูเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ความพินาศหรือความมั่นคงของประเทศชาติ ความปรีชาหรือความไม่เข้าท่าของคน ต่างก็ล้วนมีสาเหตุก่อให้เป็นไป
ผู้ทรงธรรมมิได้สนใจที่ปรีชา-ต่ำทราม, พินาศ-มั่นคง (อันเป็นเพียงผล) หากแต่สนใจใฝ่ตรองถึงสาเหตุที่ทำให้เป็นไปเช่นนั้น
ฉีหมิ่นหวางประมุขแคว้นฉี (เนื่องจากเป็นทรราชจึงถูกแคว้นอื่นร่วมกันโจมตี) เมื่อ 284 ก่อนคริสต์กาล หลบหนีไปสู่เมืองเว่ย ต้องเดินเท้าตลอดวัน ฉีหมิ่นหวางถามกงอวี้ตานว่า “ฉันต้องซอกซอนหลบหนีเขาถึงขนาดนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ แล้วนี่ถึงคราวฉันจะจบสิ้นแล้วหรือ” กงอวี้ตานตอบว่า “ข้าฯ นึกว่าพระองค์รู้แล้วเสียอีก แต่ที่แท้ก็ไม่รู้ การที่พระองค์ต้องพ่ายแพ้หลบหนีเขามาเช่นนี้ ก็เพราะพระองค์ทรงพระปรีชา พวกสามนตราชอื่นๆ ล้วนต่ำทรามจึงอิจฉาพระปรีชาของพระองค์ พากันรวมกองทัพมาตี พระองค์จึงต้องหลบหนีเช่นนี้”
ฉีหมิ่นหวางรำพึงถอนใจว่า “ผู้ปรีชาต้องทุกข์ยากอย่างนี้หรือ” ฉีหมิ่นหวางช่างไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้เป็นไปเช่นนั้นเลย ส่วนกงอวี้ตานนั้นต้องถือว่าปราศจากความจงรักภักดี
เยวี่ยหวางโส้วประมุขแคว้นเยวี่ยมีบุตรสี่คน น้องชายเยวี่ยหวางชื่อ “อวี้” ต้องการจะสังหารบุตรทั้งสี่ของเยวี่ยหวางเสีย แล้วตนจะได้สืบบัลลังก์แทน อวี้ใส่ร้ายป้ายสีจนเยวี่ยหวางประหารบุตรไปสามคน ราษฎรแคว้นเยวี่ยไม่พึงพอใจ ต่างคัดค้านการกระทำของเยวี่ยหวาง
อวี้ยังใส่ร้าย ยุให้เยวี่ยหวางฆ่าบุตรที่เหลืออีกคนหนึ่ง แต่เยวี่ยหวางไม่ทำตาม บุตรคนที่เหลือกลัวว่าตนจะถูกฆ่า ประกอบกับทราบว่าราษฎรมีใจอยากขับไล่อวี้น้องชายเยวี่ยหวาง เขาจึงนำกองทหารเข้าล้อมวังเยวี่ยหวาง
เยวี่ยหวางคำรามด้วยความโกรธว่า “เสียดายเหลือเกินที่ไม่เชื่อคำน้องชายข้าจึงต้องประสบภัยอย่างนี้”
นี่ก็ช่างไม่เข้าใจเสียเลยว่า เกิดผลเช่นนี้เพราะเหตุใด
จาก http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9490000017131