Author Archives: ชิตพงษ์ วุทธานันท์

สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว…สิ่งนั้นดีเสมอ

   มีชื่อหนังสือเล่มหนึ่งของ น.พ.เทอดศักดิ์ เดชคง
ที่ผมชอบมาก “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”
เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่สอนคนให้มองโลกในแง่ดีและมีความสุข

ในภาวะที่ “น้ำมันแพง-ดอกเบี้ยสูง-การเมืองสับสน”
ที่หลายคนเชื่อว่าจะเป็นมรสุมระลอกใหญ่ที่ทำให้
เศรษฐกิจไทยเกิดภาวะกระตุก
ผมนึกถึงชื่อหนังสือของหมอเทอดศักดิ์ขึ้นมาทันที

“สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”
ในวันนี้การสร้าง “กำลังใจ” เพื่อเดินหน้าต่อไปเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้ามัวคิดว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องเลวร้าย
และเสียเวลากับการตั้งคำถามในทำนองที่ว่า
ถ้าทำอย่างนี้ปัญหาคงไม่เกิด
หรือถ้าทำอย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคงจะดีกว่านี้
หรือเสียเวลากับ อดีต มากกว่า ปัจจุบัน และ อนาคต

แต่หลักคิดที่ว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”
เป็นหลักคิดเพื่อไม่ให้เราเสียเวลากับการฟื้นฝอยหา
ตะเข็บมากเกินไปเดินหน้าสู่อนาคตดีกว่า

เหมือนที่ อนันต์ อัศวโภคิน แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
บอกหลักคิดในเรื่องที่ดินกับเพื่อนร่วมงานเสมอ
“ที่ดินแปลงไหนที่เราซื้อแล้วดีเสมอ”
คือ ถ้าซื้อแพงกว่าคู่แข่ง
เราก็ไม่สามารถย้อนหลังกลับไปต่อราคาใหม่ได้
หรือพอซื้อไปแล้ว หน่วยงานรัฐกลับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ
เป็นแบบ “วันเวย์” เราจะเปลี่ยนให้เป็น “ทูเวย์” ก็คงทำไม่ได้

การคิดแบบทำร้ายตัวเองด้วยการบอกตัวเองว่า
“ไม่น่าซื้อที่ดินแปลงนี้เลย” คิดแบบนี้ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น
สู้คิดแบบมองไปข้างหน้า ทำให้ที่ดินแปลงนี้
ให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้มากที่สุด
ทำให้ดีที่สุดภายใต้เงื่อนไขที่เป็นอยู่

“เงื่อนไข” หรือ “ปัจจัย”
บางอย่างเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
อย่างเช่น ราคาน้ำมัน หรือ อัตราดอกเบี้ย
ของแบงก์ที่เราไปกำหนดอะไรไม่ได้เลย

เวลาที่เอาไปคิดว่า
ทำไมน้ำมันถึงขึ้นราคา
ทำอย่างไรให้ราคาน้ำมันลดลง
สู้นำเวลานั้นไปคิดว่าทำ
อย่างไรให้ต้นทุนการขนส่งเราเพิ่มขึ้นให้น้อยที่สุด
หรือคิดในเกม “ลดต้นทุน” ไม่ได้ก็ต้องคิดในเกม
“เพิ่มรายได้” ทำอย่างไรจะเพิ่มรายได้ให้มากกว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้น

ในการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็น
เกมชีวิต หรือ เกมเศรษฐกิจ
“ขวัญ” และ “กำลังใจ”
เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

เคยได้ยินหลัก “6 ไม่” ของ
คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ของ
“ไอซีซี” ในเครือสหพัฒน์ไหมครับ
“ไม่เหนื่อย ไม่กลัว ไม่ท้อ ไม่มีปัญหา ไม่ยาก ไม่เครียด”

หลัก “6 ไม่” เกิดขึ้นตอนวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540
ตอนนั้นมีแต่ข่าวร้าย เต็มบ้านเต็มเมือง
คุณบุญเกียรติ จึงใช้การ “สั่งจิตใต้สำนึก”
ด้วยหลัก “6 ไม่” บอกตัวเองเป็นประจำ
บอกลูกน้องตลอดเวลาให้คิดทุกเรื่องในทางบวก

งานหนักก็ไม่เหนื่อย
งานยากก็ไม่กลัวและไม่ท้อ
งานมีอุปสรรคมากมาย
ก็คิดว่าไม่มีปัญหา ไม่ยาก
ที่สำคัญ คือ ต้องไม่เครียด

เรื่องนี้สำคัญนะครับ
ผมเชื่อเสมอว่า
เราคือสิ่งแวดล้อมของคนอื่น

ใครก็ตามที่มีนิสัย
“ขี้วีน” หรือ “หน้าตาบอกบุญไม่รับ”
และคิดเสมอว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา
ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น คนนั้นคิดผิด
เพราะรังสีอำมหิตของเรา
จะแผ่กระจายให้คนรอบข้างที่สัมผัสรู้สึกได้
และก่อให้เกิดบรรยากาศที่อึดอัดในที่ทำงาน

ดังนั้นถ้าเจ้านายระดับสูงสุดอย่าง
บุญเกียรติ สั่งจิตตัวเองให้ “ไม่เครียด”
ลูกน้องย่อมทำงานอย่างสบายใจ

ด้วยความเชื่อในหลักจิตวิทยาแบบ
“คิดทางบวก” นี้เอง ทำให้เวลาใครถาม
คุณบุญเกียรติ ว่าทำอย่างไร
“ไอซีซี” จึงฝ่าวิกฤตปี 2540 มาได้
หนึ่งในคำตอบของ คุณบุญเกียรติ ก็คือ หลัก “6ไม่”

อย่าลืมนะครับ
…ไม่เหนื่อย ไม่กลัว ไม่ท้อ ไม่มีปัญหา ไม่ยาก ไม่เครียด
…ที่ดินแปลงไหนที่เราซื้อแล้ว ดีเสมอ
และ
…”สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”

http://www.kosanathai.com/special/specialfeatures.asp?TID=41

Share

จริยธรรมแห่งวิชาชีพต้องมาก่อน !!!


สำนักงาน ก.พ.-วันแต่งงาน

Hippocratic Oath

ไปเจอใน Blog เืพื่อนผมคนหนึ่งครับ (FordAntitrust)

เข้ากับบรรยากาศในปัจจุบันที่ชอบถามกันว่า “จริยธรรมคืออะไร”

Share

สิ้นสุดด้วยความเจ็บปวด ดีกว่าเจ็บปวดไม่มีวันสิ้นสุด

ระหว่างทางที่ผมนั่ง Taxi กลับบ้าน
จิตใจผมเหม่อลอยชมวิวกรุงเทพยามราตรี
วิทยุที่ผมไม่รู้ว่าถูกจูนไว้ที่คลื่นไหน
แต่ผมพอจะจับใจความได้ว่า เป็นรายการ ธรรมะ พอดี..

เป็นรายการตอบปัญหาธรรมะกับความรักยามค่ำคืนที่คาดว่าตั้งใจอยากวัยรุ่นแบบผมฟัง
พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต แห่ง ธรรมะดิลิเวอร์รี่ เป็นผู้วิสัชนาของคำถามจากวัยรุ่นทั่วประเทศ

ท่านพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง

“สิ้นสุดด้วยความเจ็บปวด ดีกว่าเจ็บปวดไม่มีวันสิ้นสุด”

(ซึ่งผมมารู้ที่หลังจากเพื่อนว่าภาพยนตร์เรื่อง อีติ๋มตายแน่ ที่โน๊ต อุดม แต้พานิชย์ แสดง ก็มีคำพูดประโยคนี้เหมือนกัน)

โดนใจมากครับ สำหรับประโยคนี้

ไม่ใช่เพราะผมกำลังสิ้นสุดกับใคร
แต่เป็นเพราะคำตอบที่ผมมักให้คำปรึกษาแก่เพื่อน ถูกสรุปได้ด้วยประโยคนี้ต่างหาก

มีหลายคนที่มักมาปรึกษาปัญหาความรักกับผม (ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม?)
แทบจะร้อยเปอร์เซ็น ที่มักรักอย่างไม่คิดถี่ถ้วน และก็ยอมเลยเถิดจนเนิ่นนานบานปลาย

รักช่วงแรก อาจจะรักด้วยรูปร่าง หน้าตา เงินทอง ความใคร่ ความหลง
สุดท้าย เมื่อนานวันเข้า มักมาค้นพบที่หลังแทบทุกคนว่า มันไม่ใช่! แต่ก็เลิกไม่ได้! เพราะรัก!

พอเจอแบบนี้ ผมมักจะถามกลับไปว่า “ถ้ารักก็ไม่ต้องมาเสียใจ แต่ถ้าเสียใจก็เลิกไปซะ”
แล้วผมก็ได้รับคำตอบประโยคเดิมๆทันที “เลิกไม่ได้ ก็มันรัก แต่ทำไมต้องทำอย่างนี้.. บลาๆๆๆ”

สุดท้ายผมก็ต้องอธิบายความเป็นจริงเพื่อขยายประโยคข้างต้นที่ผมบอกให้เขาฟังอย่างละเอียด

ตอนแรกเราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่า เขาเป็นคนเช่นไร แต่เมื่อเริ่มรู้จักกันบ้าง เธออาจจะพลาดพลั้งลุ่มหลง ในสิ่งที่เจามีหรือเขาเป็น จนตกหลุ่มรักโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องราวเธอกับเขาไกลๆ

ตอนแรกเชื่อได้เลยว่า สิ่งใดที่เขาไม่ดี หรือเธอไม่ชอบ เธอจะมองข้ามมันไป เพราะฉันเคยเป็น เมื่อมองข้ามไปแล้ว ในอนาคตหากวันใดวันหนึ่งความรักหมดลง เธอจะพบแต่ข้อบกพร่องเหล่านั้นทันที

เพราะฉันเชื่อว่า คนที่อยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่ได้อยู่ด้วยความรัก หากแต่อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน อยู่ด้วยความเข้าใจ เกื้อกูล และผูกพันธ์กัน ความรักเป็นเพียงสิ่งเริ่มต้นให้เธอกับเขาได้รู้จักและศึกษากันเท่านั้น จริงๆ จะว่าไป ทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่า นิยามความรัก เป็นเช่นไร

แต่ไม่เป็นไรหรอก เมื่อเธอพลาดที่รักเขาไปแล้ว และตอนนี้เธอก็ได้รับรู้อะไรมากขึ้น

ฉันอยากให้เธอลองมองไปในอนาคตข้างหน้า ถ้าเธอยังคบกับเขาอยู่ หรือวันใดเธอได้แต่งงานอยู่กินกับเขา ชีวิตของเธอจะเป็นเช่นไร เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเธอไหม หรือเธอจะเปลี่ยนตัวเธอเพื่อเขาไหม และเธอเชื่อมั่นได้แค่ไหนว่าจะไปกันรอด หากเรื่องราวและความสัมพันธ์แค่นี้ ยังทำให้เธอต้องร้องไห้

ฉันไม่อยากให้เธอคิดไปเองก่อนเลยว่า เขาจะกลับต้วได้และจะเปลี่ยนแปลงเพื่อเธอ เพราะฉันเชื่อว่านิสัยของมนุษย์เปลี่ยนยากยิ่งนัก ถ้าหากไม่เจอเหตุการณ์ที่สั่งสอนเขาได้

เมื่อก่อนฉันเองก็ทำให้คนที่ฉันรักเสียใจมากและบ่อยๆ ทั้งๆ ที่เขาดีกับฉันมาก แต่ทั้งหมดเป็นเพราะฉันไม่ยอมมองโลกตามความเป็นจริง ไม่มองไปในอนาคตไกลๆ ฉันมองว่ายังไงคนที่ฉันรัก เขาก็รักยังฉันเสมอ แต่สุดท้าย คนที่รักฉันมากที่สุด และเคยสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆ ฉัน ก็ได้จากฉันไป

ตั้งแต่นั้นมา ความคิดฉันเปลี่ยนแปลงไป ฉันมองโลกตามความเป็นจริงมากขึ้น มองอนาคตไกลมากขึ้น มันทำให้ฉันเข้มแข็ง มองคนลึกซึ้ง ไม่รักใครง่ายๆ และมีแต่ความหวังดีและจริงใจ มีหลายคนบอกว่าที่ฉันเป็นเช่นนี้เพราะฉันปิดตัวเอง ก็ยอมนะ ว่าในใจลึกๆ ฉันยังมีคนๆ นั้นอยู่ คนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน แต่ถ้าเขามีความสุขกับใคร ฉันก็คงได้แต่ยืนยิ้มไกลๆ

จริงๆ แล้วเธอและเขาอาจจะไม่ต้องเคยเจอแบบฉัน เพียงแต่อยากให้ฟังสิ่งที่ฉันเล่า และลองตัดสินใจดู ว่า เธอเชื่อใจเขาได้มากแค่ไหน ว่าเขาจะเปลี่ยน ตัดความหลงทิ้งไป ทำให้ให้ว่าง มองสิ่งที่เขาทำทั้งหมดว่าจริงใจแค่ไหน และเป็นนิสัยที่แท้จริงของเขาหรือไม่ อย่าปล่อยให้ความคิดไปเองของเธอหลอกตัวเธอเอง แล้วเธอจะค้นพบคำตอบเองว่า

“สิ้นสุดด้วยความเจ็บปวด ดีกว่าเจ็บปวดไม่มีวันสิ้นสุด”

เธอจะเลือกแบบใด…

Share