Author Archives: ชิตพงษ์ วุทธานันท์

เคล็ดลับจัดบ้านอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

คำกล่าวที่ว่า “บ้านคือวิมานของเรา” นั้นเป็นเรื่องจริง การที่เราทำงานเหนื่อยหนักมาทั้งวัน เมื่อกลับมายังบ้าน เราจะได้รับถึงความอบอุ่น และความสบายทั้งร่างกายและจิตใจไปในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีครอบครัวอย่างพร้อมหน้า ที่รอต้อนรับคุณกลับบ้านด้วยความใจจดใจจ่อนะคะ

ดังนั้นเมื่อบ้านเป็นเสมือนที่พักพิงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจแล้ว วันหยุดว่างๆ สัปดาห์นี้ มาเปลี่ยนแปลงเสกบ้านให้น่าอยู่และจัดบ้านให้ดีต่อสุขภาพกันดีกว่าค่ะ ซึ่งคุณอาจจะสนุกไปกับคนในครอบครัว หรือเป็นการออกกำลังกายอีกหนึ่งรูปแบบที่คุณได้ทั้งงานบ้าน ได้ทั้งสุขภาพที่ดีมาเป็นของแถมกำลังสองค่ะ

1.เปิดหน้าต่างและประตูบ้านรับลมทุกทาง
เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ขับไล่ความอับชื้นภายในตัวบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีเลี้ยงสุนัขหรือแมว หรือมีคนสูบบุหรี่ด้วยแล้วก็ควรที่จะเปิดหน้าต่างและประตูเป็นประจำ หรืออาจแขวนพิมเสนไว้ที่หน้าต่างหรือตั้งตะเกียงน้ำมันหอม กลิ่นยูคาลิปตัส ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง รักษาอาการหวัดคัดจมูก หรือกลิ่นเปเปอร์มินต์ ทำให้กระปรี้กระเปร่า เตรียมพร้อมกับการจัดบ้านต่อไป

2.ปลูกต้นไม้เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์
ควรที่จะปลูกต้นไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยในการดูดสารพิษที่ก่อตัวภายในบ้าน หรือสารพิษที่ปะปนมาทางอากาศ อาทิ ต้นเบญจมาศ ต้นสาวน้อยประแป้ง ซึ่งเหมาะกับบ้านขนาดเล็ก มีเนื้อที่ของสวนค่อนข้างจำกัด ต้นมะเดื่อ หรือต้นไทร ซึ่งเหมาะกับสวนสาธารณะหรือบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง เนื่องจากต้นไม้จะดูดคาร์บอนไดออกไซด์และคายอออกซิเจนคืนสู่อากาศ เพื่อสร้างความสมดุลให้บรรยากาศ ทั้งยังให้อากาศที่บริสุทธิ์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน และได้รับอากาศที่เย็นสบายในช่วงหน้าร้อน หรือเย็นฉ่ำไปกับฤดูฝน และเพิ่มดีกรีความเย็นในช่วงที่อุณหภูมิลดลงต่ำ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างอ่างบัว บ่อปลาขนาดเล็ก หรือสระน้ำขนาดย่อม ก็สามารถลดดีกรีความร้อนภายในบริเวณบ้านได้เช่นกัน

3.จัดแสงในบ้านให้พอเหมาะ
อาจจะเปิดหน้าต่างด้านทิศตะวันออก เพื่อเปิดรับแสงแดดยามเช้า ที่มีวิตามินดี ระยะเวลาที่พอเหมาะคือ 15-20 นาทีในการรับแสงแดดแต่อย่ามากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ และแสงสว่างภายในบ้านที่พอเหมาะ จะช่วยปรับระดับความสบายใจและการผ่อนคลายของสายตา เนื่องจากแสงไฟฟ้าภายในบ้านที่ปรับความเข้มของแสงที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดความสมดุลของแสง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ และการที่คุณได้รับแสงที่น้อยเกินไป ก็อาจเกิดภาวะอาการซึมเศร้า หรือถ้าได้รับมากเกินไปอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนได้ ดังนั้นควรจัดแสงที่เน้นแสงจากธรรมชาติให้ตรงกับการขึ้น-ลงของพระอาทิตย์ นอกจากจะดูแลสุขภาพแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ช่วยชาติได้อีกทางค่ะ

4.หมั่นเอาที่นอน หมอน หมอนข้างและผ้าห่มออกพึ่งแดด
เพื่อฆ่าไรฝุ่น และขจัดกลิ่นอับบนหมอน ยามนอนจะได้หลับสบาย ไม่เกิดอาการแพ้ฝุ่นหรือคัดจมูกยามตื่น กระทั่งการนำตุ๊กตาที่อยู่ในห้องนอนสาวๆ หรือเด็กเล็กมาหมั่นซักทำความสะอาด หรือตากแดด เพราะตุ๊กตาส่วนใหญ่แล้วผ้าที่ใช้จะเป็นผ้าขน ฝุ่นจะเกาะได้ง่าย อาจเกิดอาการแพ้และได้รับฝุ่นขณะหลับได้

รวมทั้งม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำ ซึ่งคุณลองสังเกตสักนิดว่า คราบดำที่เกิดขึ้นนั้น นั่นคือแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยการเติบโตโดยอาศัยการผาย การเรอ การไอ จามของเราก็เป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของมัน ทางที่ดีควรหมั่นถอดออกมาซักอาทิตย์ละครั้ง และอะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเช่นกัน แต่ทั้งนี้มันจะทำอันตรายอย่างหนักเฉพาะกับคนป่วยหรือตอนที่เรามีแผลเท่านั้นค่ะ

5.ควรใช้สิ่งที่มาจากธรรมชาติในการทำความสะอาด แทนการใช้น้ำยาสารเคมี
เวลาทำความสะอาดบ้าน หลายๆ คนคงนึกถึงน้ำยาสารเคมี ซึ่งจะคิดว่าจะสามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เป็นธรรมชาติก็สามารถช่วยคุณได้เช่นกัน อาทิ ผงฟูหรือน้ำส้มสายชูแทนน้ำยาทำความสะอาดห้องครัว สุขภัณฑ์ ขจัดกลิ่นและคราบต่างๆ หรือน้ำเอ็มไซม์ที่หมักจากสับปะรดก็สามารถช่วยทำความสะอาดและยังสามารถนำไปซักเสื้อผ้าได้ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลงในน้ำก็ไม่เน่าเสีย และนำที่เหลือจากการซักผ้าก็นำไปรดน้ำต้นไม้ได้ด้วย นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ใช้ในบ้าน ในรูปแบบสเปรย์ เพราะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหอบหืดในคนที่แพ้อากาศได้

หลังจากเหนื่อยกับการจัดบ้านแล้วก็อย่าลืมดิ่มเครื่องดิ่มธัญพืชที่รวมคุณประโยชน์ดีๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อเรียกความสดชื่น สดใสให้กับร่างกายด้ยวยนะคะ

เรื่อง ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ
จาก Ovaltine 5 Grains

Share

เคล็ด(ไม่)ลับ ฝึกโยคะให้ได้ผลดีต่อสุขภาพ

สาวๆ ยุคใหม่ได้เปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายให้ฮิตติดเทรนด์ด้วยการหันไปฝึกโยคะกันยกใหญ่ ก็แหม! โยคะน่ะ เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการทำให้จิตใจได้ผ่อนคลาย ที่ทำสำคัญยังไม่ทำให้หัวใจ(ที่กำลังอ่อนแอ) ต้องทำงานหนักอีกด้วยค่ะ ซึ่งเราขอเสนอวิธีที่ทำให้การฝึกโยคะให้ได้ผลดีต่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ

ฝึกฝนอย่างเป็นประจำ
โยคะก็เหมือนกีฬาอย่างหนึ่งที่ต้องค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยฝึกๆ จากท่าง่ายๆ สู่ท่ายากๆ แต่ใช่ว่าท่าที่ยากขึ้นจะเหมาะกับความต้องการของร่างกายคุณไปเสียทุกอย่างนะคะ ก็ควรฝึกในท่าที่คิดว่า คุณทำได้ในระดับหนึ่ง และถ้าต้องการต่อท่าที่ยากขึ้นไป ก็ควรที่จะได้รับคำแนะนำจากครูผู้ฝึกจะดีกว่าค่ะ

เตรียมตัวให้ถูกต้องก่อนฝึก
เตรียมสถานที่-พื้นที่ที่สะอาด ปราศจากฝุ่นละอองหรือควันพิษ อากาศถ่ายเทสะดวก และควรที่จะหาเสื่อหรือผ้านุ่มๆ ซ้อน2-3 ชั้นมาปูรอง และใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นที่สุด อาจเหลือเพียงแค่ชุดชั้นในกับกางเกงขาสั้นมากๆ ก็พอ สำหรับผู้ชายก็เหลือเพียงกางเกงขาสั้นเพียงอย่างเดียว และอย่าลืมถอดเครื่องประดับออกให้หมดทุกชิ้น

การฝึกโยคะก็ต้องอาบน้ำก่อนทุกครั้ง สำหรับคนที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงการมีประจำเดือนควรงดค่ะ

ให้เวลากับการฝึก
ต้องฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 -3 ชั่วโมงในช่วงเวลาช่วงตรู่หรือช่วงเย็นของทุกวัน และควรฝึกต้องท้องว่างหรือหลังอาหารไปแล้ว 1 ชั่วโมง

อาหาร
ให้เลือกรับประทานผักผลไม้สด และรับประทานอาหารให้เพียงแค่อิ่มแบบเบาๆ โดยเคี้ยวให้ช้าที่สุด และค่อยๆ กลืน ให้เว้นช่วงระยะมื้อให้ห่างกันประมาณ 7 ชั่วโมงกำลังดี ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลี่ยงเนื้อสัตว์ หรือของทอด หรือทานให้น้อยลง และหันมารับประทานมังสวิรัติ หรือเครื่องดื่มผสมธัญพืช มีคุณค่าจธัญหารอย่างครบถ้วนก็ช่วยได้ค่ะ หรือจะดื่มเครื่องดื่มธัญพืชเป็นมื้อเล็กก่อนที่จะฝึกโยคะก็ได้ค่ะ

ฝึกหายใจให้เป็น
ขณะหายใจเข้า-ท้องจะป่อง ให้นับในใจ 1-5 หรือ 1-10 แล้วกลั้นไว้หายใจออก-ท้องจะแฟบนับช้าอีก 1-5 หรือ 1-10 ในขณะที่หายใจเข้า พยายามบีบทรวงอกให้ได้นานที่สุด และเมื่อหายใจออกกก็แขม่วท้องให้ลมหายใจออกไปมากที่สุดค่ะ

ก่อนจะเปลี่ยนท่าต่อไปต้องทำ “ท่าตาย”ทุกครั้ง
ท่าตายหรือท่าพัก คือ การนอนราบแล้วผ่อนคลายหน้าท้อง มือทั้งสองวางข้างลำตัว เหยียดเท้าให้ตรงแล้วหลับตา นอนนิ่งๆ ประมาณ 5 นาทีค่ะ

นวดเพื่อผ่อนคลาย
ควรนวดเมื่อจบการฝึกอาสนะแล้ว เพื่อไปกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้หลั่งไขมันออกมาตามธรรมชาติ ระบบน้ำเหลืองและระบบเลือดจะถูกกระตุ้นให้ไหลเวียนเป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกชั้นอีกด้วย

เรื่อง ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ
จาก Ovaltine 5 Grains

Share

สุขภาพดีเริ่มต้นที่ “ใจ”

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังหาจุดเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีสุขภาพดีในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง 2 สิ่งนี้เป็นอันดับต้นๆคือ อาหารและการออกำลังกาย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือเรื่องที่ไม่ถูกต้องในการดูแลสุขภาพ ทั้งยังเป็น 2 สิ่งหลักที่ขาดไม่ได้สำหรับจุดเริ่มต้นของสุขภาพดีอีกด้วย แต่หากจะเริ่มต้นกันจริงๆ จุดเริ่มต้นนั้นอยู่ไม่ไกล แค่เริ่มที่”ใจ”ของเราค่ะ

การมีสุขภาพที่ดี หมายถึง การที่ร่างกายของเราแข็งแรง และจิตใจของเราก็แข็งแรงไม่แพ้กัน เพราะหากเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายของคุณเกิดอาการเจ็บป่วยร่างกายอ่อนแอ สารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมายามที่เกิดความเครียด ทุกข์ การเป็นกังวล ก็จะส่งผลถึงจิตใจของคุณ จนกระทั่งทำให้เกิดความหดหู่ ไม่มีแรงที่จะทำอะไร และเมื่อจิตใจของคุณแย่ ร่างกายของคุณก็ยิ่งทรุดหนัก

ถ้ายิ่งเริ่มต้นที่จิตใจย่ำแย่ ไม่ว่าจะเกิดความเครียด อาการคนคิดมาก รู้สึกหดหู่ ร่างกายก็มักจะปฏิเสธทุกอย่าง จนทำให้ร่างกายทรุดลงไปอีก แต่ถ้าคุณหันมาใส่ใจเรื่องของจิตใจกันสักนิด สุขภาพดีๆ ก็จะตามมาค่ะ

คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการทำสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก การยิ้มหรือหัวเราะ ส่วนการดูแลจิตใจให้สงบและผ่อนคลายนั้น สามารถใช้น้ำมันหอมกลิ่นลาเวนเดอร์มาบำบัดก็ส่งผลดีเช่นกัน หรือการฝึกโยคะก็จะได้ผลดีมาก ในกรณีที่คุณเริ่มมีอาการวิตกกังวลมากเกินไป และเมื่อจิตใจดีเชื่อว่าร่างกายก็ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นกัน

นอกจากเรื่องของจิตใจแล้ว เรื่องของหัวใจที่เต้นอัตราเฉลี่ยนาทีละ 60-70 ครั้ง ก็สำคัญเป็นอันดับหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะการที่เรามีชีวิตอยู่ได้นั้นก็เป็นเพราะหัวใจ ซึ่งเป็นเครื่องสูบฉีดเลือด ที่ส่งให้เม็ดเลือดแดงกระจายไปสู่อวัยวะตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย นำออกซิเจนและอาหารที่ย่อยแล้วเดินทางไปยังเส้นเลือดทุกส่วนของร่างกาย และทำหน้าที่ถ่ายเทของเสีย ที่จะก่อให้เกิดภาวะเป็นพิษต่อร่างกาย

หากคุณเกิดอาการวิตกกังวล ความเครียด หัวใจของคุณก็จะเต้นเร็วผิดปกติได้เช่นกัน เพราะร่างกายจะหลั่งสารเอพิเนฟริน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ไปกระตุ้นหัวใจออกมามากขึ้น เพื่อตอบโต้สิ่งที่คุกคาม แต่คุณผู้เป็นเจ้าของหัวใจ คงต้องดูแลและถนอมหัวใจโดยการ รับประทานอาหารที่มีโฟเลต แมกนีเซียและวิตามินบี 6และบี 12 อย่างสม่ำเสมอ อาทิ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ถั่วฝัก ถั่วเมล็ด ผักใบเขียวและธัญพืช ก็จะช่วยให้หัวใจของคุณเต้นอย่างเป็นปกติ

ดังนั้นเมื่อคุณมีจิตใจที่ผ่องใส หัวใจเต้นอย่างเป็นปกติ สุขภาพของคุณก็จะดี โดยที่คุณเองก็ต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และไม่ควรรับประทานไข่แดงเกิน 2 ฟองต่อสัปดาห์ (สำหรับผู้ใหญ่หรือผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก) หรือเลือกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ เช่น เครื่องดื่มธัญพืชที่รวมธัญพืชมากคุณประโยชน์รวมไว้ด้วยกัน, น้ำผลไม้ แทนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ หรือน้ำอัดลม และเลิกสูบบุหรี่ เน้นการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวช้าๆ แต่สร้างพลังและการควบคุมภาวะจิตใจ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ แต่ถ้าโดยทั่วไปการออกกำลังกายแบบแอโรบิก อาทิ การเดินเร็ว การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ วิ่ง หรือการเต้นแอโรบิก ก็จะดีที่สุดสำหรับการป้องกันโรคหัวใจค่ะ

เมื่อรวมปัจจัยหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน คุณก็จะเป็นคนที่มีสุขภาพดี มีความสุขกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอนค่ะ

เรื่อง ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ
จาก Ovaltine 5 Grains

Share