กดที่รูปเพื่อขยายใหญ่
Author Archives: ชิตพงษ์ วุทธานันท์
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ : การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เป็นทุกข์
มา ปิเยหิ สมาคญฺฉิ
อปฺปิเยหิ กุทาจนํ
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ
อปฺปิยานญฺจ ทสฺสนํ ฯ ๒๑๐ ฯ
อย่าติดอยู่ในสิ่งที่เรารัก หรือไม่รัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เป็นทุกข์
การพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์
Be not attached to the beloved
And never with the unbeloved.
Not to meet the beloved is painful
As also to meet with the unbeloved.
—————-
ตสฺมา ปิยํ น กยิราถ
ปิยาปาโย หิ ปาปโก
คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺติ
เยสํ นตฺถิ ปิยาปิยํ ฯ ๒๑๑ ฯ
เพราะฉะนั้น ไม่ควรรักสิ่งใด
เพราะพลัดพรากจากของรัก เป็นทุกข์
ผู้ที่หมดความรักและความไม่รักแล้ว
เครื่องผูกพัน ก็พลอยหมดไปด้วย
Therefore hold nothing dear,
For separation from the beloved is painful.
There are no bonds for those
To whom nothing is dear or not dear.
—————-
เปมโต ชายเต โสโก
เปมโต ชายเต ภยํ
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส
นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ ฯ ๒๑๓ ฯ
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความรักเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
From love springs grief,
From love spring fear;
For him who is free from love
There is neither grief nor fear.
————–
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณ และเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้ว ก็เป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น ความสุขที่เกิดจากความรักนั้น เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง เธอทั้งหลายอย่าพอใจในความรักเลย เมื่อหัวใจยึดไว้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวัง ความผิดหวังก็จะรอเราอยู่”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่งและเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพราก ก็เป็นสิ่งสุดวิสัย ทุกคน จะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง”
อดีต/ปัจจุบัน/อนาคต
คนเราก็แปลก อดีตล่วงเลย แก้ไขไม่ได้ มักคิดถึงย้อนลำลึกเสมอ อนาคตยังไม่ถึง ก็ชอบคาดหวังไว้เกินไป
สุดท้ายนั่งจมกับความสุขความผิดหวังในอดีต และผิดหวังกับอนาคตที่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เสมอ
ผมโดนทักเป็นประจำว่าเป็นคนคิดมาก ซึ่งเมื่อก่อน ก็จะเถียงๆ กับคนที่พูดหรือแม้แต่ตนเองว่า ที่คิด เพราะต้องการเห็นหลายมุมมอง จะได้วางแผนล่วงหน้าทันท่วงที เป็นเช่นนี้ประจำ
จนมาตอนหลัง รู้สึกว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความทุกข์(อันแสนนาน)และความสุข(ชั่ววูบ) นั่นคือ อดีต กับอนาคต นั่นเอง
พระพุทธเจ้าและผู้รู้หลายท่าน มักสอนเสมอๆ ให้เราอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ตอนแรกไม่เข้าใจหรอกว่า อยู่กับปัจจุบันคืออะไร? ทำปัจจุบันให้ดีแล้วจะได้อะไร? สู้มองการใกลเพื่อวางแผนแล้วทำให้ดีไม่ดีกว่าหรอ?
หลังจากเจอเหตุการณ์ต่างๆ นานา ทำให้ได้ครุ่นคิด ได้อยู่คนเดียว บังเกิดปัญญาขึ้นมาเล็กน้อยว่า
การที่เราอยู่กับปัจจุบัน มันจะทำให้เราตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทุ่มเทกำลังสติปัญญา แรงกาย แรงใจ ทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ ณ เวลานั้น จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เมื่อทำปัจจุบันดีแล้ว ต่อไป ปัจจุบันที่ดี มันก็จะกลายไปเป็นอดีตที่ดี ไม่ต้องมาหวนรำลึกว่า ทำไมไม่ทำให้ดีตั้งแต่แรก ทำไมไม่คิดตั้งแต่แรก สุดท้ายก็มานั่งทุกข์ ทน รันทด โง่ จน เจ็บ เสียใจกับการกระทำในอดีตให้ปวดหัวเป็นทุกข์ตามมาอีกนานแสนนาน
แล้วถามตัวเองต่อไปว่า อนาคตล่ะ ไม่ต้องมาวางแผนกันเลยหรือ?
ก็ขอตอบตัวเองอีกเช่นกันว่า ก็ต้องวางสิ! แต่อย่ายึดติดกับมันสิ! ว่ามันจะต้องเป็นจริง
เพราะทุกสถานการณ์ล้วนเกิดจาก การกระทำของตัวเรา (กรรมที่ก่อขึ้นในชาตินี้) และสิ่งที่มากระทบจากนอกตัวเรา (กรรมที่ก่อขึ้นในชาติที่แล้ว) ทั้งอดีตและปัจจุบัน มาเป็นตัวแปรผันเสมอ
ถึงแม้จะมั่นใจว่าทำดีมาตลอด สามมารถควบคุมการกระทำตนเองได้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งกระทบจากภายนอกได้ว่ามันจะมารูปแบบไหน
เป็นเช่นนี้แล้ว คาดการณ์ไปก็มีโอกาสผิดพลาดสูง
แม้โบรกเกอร์ให้เก่งแค่ไหน ก็วิเคราะห์หุ้นผิดมันแทบทุกนาที…
แม้คนทำเว็บเก่งแค่ไหน ก็วิเคราะห์ปริมาณคนเข้าเว็บผิดมันแทบทุกชั่วโมง
แม้พยากรณ์อากาศด้วยเทคโนโลยีใหม่แค่ไหน ก็พยากรณ์ผิดมันแทบทุกวัน
นับประสาอะไรกับปุถุชนสิ้นสติ ไร้ปัญญา ที่เดินดินกินข้าวจานแกงไปวันๆ
“ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนอย่างที่สุด ตั้งแต่ควอนตัม ยัน จักรวาล”
วันนี้สอนตัวเองแค่นี้
หยุดความฟุ้งซ่านในตน
เลยแบ่งให้ทุกท่านที่อ่านได้หยุดด้วยกัน
เอวัง ขอจบการบ่นด้วยประการฉะนี้