Category Archives: บันทึกของชีวิต

ทำบุญ

วันนี้ที่บ้านผมมีโอกาสได้ทำสังฆทานชุดใหญ่ ให้แก่ญาติพี่น้อง เนื่องด้วย 2 เหตุผล คือเมื่ออาทิตย์ก่อนมีคนทักว่าให้ทำบุญไปให้ญาติพี่น้องบ้าง และ อีกเหตุผลหนึ่งคือ ถูกหวย 😛

บ่อยครั้งที่อยู่ในงานทำบุญให้แก่ญาติผู้ล่วงลับหรือสะเดาะเคราะห์ ผมมักจะพบบทสวดอยู่สองบท คือ อนิจจัง…ฯ และ อจีรัง…ฯ บังเอิญว่าัวันนี้ พระที่มาทำพิธีเป็นหลวงน้าที่รู้จักกับที่บ้านผม จึงได้มีโอกาสสนทนาธรรมในช่วงหนึ่งระหว่างเดินทางส่งท่านกลับวัด พอสรุปได้ดังนี้

1. “อนิจจัง วะตะสังขารา(1) อุปาทะวะยะทัมมิโน(2) อุปัตชิตะวา นิรุตฌันติ(3) เตสัง วูปะสะโมสุโข(4)”
แปลว่า
“สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ(1) มีความเกิดขึ้นแล้ว มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา(2) มีความเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป(3) ความเข้าไปสงบระงับ สังขารทั้งหลายเป็นสุข อย่างยิ่งดังนี้(4)”

2. บทอนิจจังไว้บอกให้แก่ผู้ล่วงลับและสอนผู้อยู่ ให้รู้ว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

3.  “อจีรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อธิ เสสสะติ”
แปลว่า
“ร่างกายของเธอนี้ไม่ช้าก็ไม่มีจิตวิญญาณ เธออาศัยอยู่ร่างกายนี้ก็เหม็นเน่า ถูกทอดทิ้งเหมือนท่อนไม้ไร้ประโยชน์ ดังนั้นกายไม่ใช่ของเธอ จงทิ้งร่างกายที่เป็นทุกข์โทษภาระหนักออกจากจิตที่เป็นของจริงของเธอเสีย แล้วเธอจะมีจิตเป็นสุขยิ่ง”

4. บทอจีรังฯ ไว้บอกให้แก่ผู้ล่วงลับ ว่า อย่ายึดติดในร่างกาย อย่าห่วง เพื่อเป็นทางชี้ให้แก่ท่าน ได้ไปภพภูมิใหม่  และสอนผู้อยู่ ให้รู้ว่า อย่ายึดติดในร่างกาย ในสังขาร มีความเสื่อมโทรมลงทุกวัน

5. ปกติเวลาเราจะช่วยเหลือใคร เราจะต้องทำตัวเองให้รอดก่อน หรือไม่ทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์ ดังนั้นแล้วเวลาเราจะอุทิศผลบุญให้แก่ผู้อื่น เราควรจะทำให้อุทิศให้แก่ตนเองก่อน แล้วจึงอุทิศให้แก่ผู้อื่นตาม (ไม่ได้จำเป็นจะต้องทำทุกครั้งนะครับ แต่หมายถึงว่า ควรทำให้ตัวเองด้วย เพื่อสะสมบุญ และทำบุญให้แก่เทวดา่รักษาตัวเรา)

6.  คนเราจะมีเทวดารักษาตัวเองอยู่ ดังนั้น เวลาทำบุญ ให้อุทิศผลบุญให้ท่านเหล่านั้นด้วย หรือเจ้าที่เจ้าทาง เพราะบ่อยครั้ง เวลาเราพบเจออะไรดีๆ หรือรอดจากสิ่งอันตราย อาจจะเกิดเพราะเทวดาประจำตัวเราหรือเจ้าที่ช่วยไว้ แต่คนส่วนมากมักจะคิดว่าเกิดจากเครื่องลางที่ตัวเองพกไว้ (ในหนังสือที่ผมได้รับมาเมื่อวาน ของ หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล ก็ได้พูดไว้เช่นเดียวกันว่า ควรทำให้ท่านเหล่านี้ด้วย เพื่อให้ท่านเหล่านี้มีความสุข พ้นทุกข์ มีอำนาจช่วยเหลือเรามากขึ้น)

7. ถ้าหากเรามีโอกาสหรือเวลาเหลือก่อนจะทำบุญ ให้เราอาราธนาศีล 5 ทุกครั้ง เพื่อให้กำลังบุญที่เราทำแรงขึ้น เพราะเปรียบเสมือนกับเราเป็นผู้มีีศีลบริสุทธิ์ (เพราะเพิ่งรับ และทำบุญต่อเลย ยังไม่มีโอกาสได้ผิดศีล ยกเว้น รับเสร็จแล้วตบยุง..ฮา 😛 )

Share

สิ่งที่ควรสละ

ช่วงสาย ขณะที่ผมและเพื่อนๆ นั่งทำงานตามปกติ
มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา

หลังจากวางสาย.. ก็มีเสียงตะโกนบอกว่า
“พ่อของอดีตพนักงานคนหนึ่งจะผ่าตัด ต้องการเลือดภายใน 4 โมงเย็น! ที่รามา”

ไม่เกิน 10 นาที บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
กลายเป็นมูลนิธิเพื่อการกุศลทันที เพราะมีผู้ร่วมบริจาคนับสิบคน รวมถึงผมด้วย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริจาคเลือด แต่เป็นครั้งแรกที่ตั้งใจบริจาคเพื่อช่วยเหลือใครสักคน

ผมนั่งฟังญาติผู้ป่วยเล่าว่า จ่ายค่ารักษาวันละ 8000 บาท
“โอ้ว อะไรจะแพงขนาดนั้น”

และระหว่างรอการเจาะเลือด ก็เห็นว่าใช้อุปกณ์การแพทย์ต่อการเจาะหนึ่งคนหลายชิ้นมาก
ก็ไม่รู้ว่าถ้าซื้อมาเจาะเองได้จะต้องเสียเท่าไร

แต่คิดไปคิดมาส่วนได้กับส่วนเสีย ต่างกันราวฟ้ากับดิน
ระหว่าง “เลือด” กับ “อุปกรณ์ 4-5 ชิ้น”
ระหว่าง ชีวิตคน กับ เงินไม่กี่สิบกี่ร้อยบาท

ก่อนหน้านี้หาข้อมูล เหตุต้น ผลกรรม ก็บังเอิญไปเจอพุทธสุภาษิตอยู่ท่อนหนึ่ง

จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ
องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ
สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต.

แปลว่า

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง.

ซึ่งตอนที่เจอ ก็จะนำมาเขียนถึง แต่ก็ยังไม่มีแรงจูงใจพอ
วันนี้เจอเหตุการแบบนี้ก็เลยนึกถึงและนำมาประกอบเรื่องเล่าได้อย่างพอดี

ถึงแม้จะไม่ได้สละเงิน หรืออวัยวะ แต่ทำให้คนหนึ่งมีชีวิตยืดต่อไปก็รู้สึกดี

.. ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด
(ฮ่่าๆ เกี่ยวไหมหนอ)

Share

การเสพทางอารมณ์ กับ การกิน

การเสพกับการกิน ผมเพิ่งค้นพบว่ามันเหมือนกันนะ

ในเชิงลบ
ก ารกิน เรากินขนม อร่อยมากเลย มีรสหวานมาก แต่ในขณะนั้นเรากำลังรับสารอาหารอะไรบ้างก็ไม่รู้ที่กำลังจะสะสมในร่างกาย สุดท้าย ถ้ากินเหมือนเดิมทุกวัน เราก็จะอ้วน หรือเป็นเบาหวานในที่สุด

ก ารเสพทางอารมณ์ สมมุติว่าเราปล่อยใจให้คิดถึงใครสักคน ในขณะนั้นเราจะไม่รู้ว่า มันจะมีอารมณ์อยาก รัก หลง เข้ามาเกี่ยวข้อง สุดท้ายแล้วถ้าเราคิดถึงทุกวันๆ เราก็จะกลายเป็นคนที่หลงและคลั่งใคล้ มีแต่ความอยากที่จะเจอ ตลอดเวลา พูดง่ายๆ เมหือนคนบ้า

ในเชิงบวก
ห ากเรากินพวกผักผลไม้ไปเรื่อยๆ เราไม่รู้เดี๋ยวนั้นหรอกว่า มันจะไปช่้วยอะไรในร่างกายเราบ้าง มันจะใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าว่ามีชายแก่คนไทย ไปเที่ยวจีน เขาเดินบนกำแพงเมืองจีน ลุยหิมะ เพื่อจะเที่ยว ได้อย่างไม่หนาว และไม่เหนื่อย ซึ่งสอบถามไป เขาก็บอกว่า เขากินโสมมาตั้งแต่อายุประมาณ 18 จนตอนนี้จะ 80 ก็ยังกินอยู่

หากเราเสพโดย เสพอารมณ์ทางสงบ เช่นการนั่งสมาธิ หรือทำใจให้ปลอดโปร่ง โอเคมันจะไม่ทำให้สติหรือสมาธิประทปัญญาคุณดีขึ้นทันตาเห็น แต่มันจะค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ จนเกิดขึ้นในอนาคต และมันจะมีผลกับร่างกายเหมือนการกินคือ เมื่ออารมร์ได้พักผ่อน ร่างกายก็จะได้พักผ่อนตาม หน้าตาและผิวพรรณของเราจะดี ให้คุณสังเกตุ คนแก่ที่เข้าวัดบ่อยๆ (เข้าด้วยใจนะ ไม่ใช่เข้าบังหน้า) จะมีหน้าตาดี สดใสมาก แม้แต่ผมช่วงที่เพิ่งสึกมาใหม่ๆ ก็มีคนทักว่าหน้าตาสดใสขึ้น เพราะช่วงบวชเราไม่ต้องคิดเรื่องใดๆให้ปวดหัว แล้วได้พักผ่อนที่เพียงพอทั้งทางกายและทางใจ

จาก http://ifew.exteen.com/20050921/entry-1 

Share