Category Archives: บันทึกของชีวิต

พอเพียง

2 อาทิตย์นิดๆ ที่ผมได้ซื้อหนังสือ Positioning ฉบับ Sufficiency Economy*
อ่านเรื่อง Sufficiency Economy ไปได้ไม่กี่ตอน รวมกับอื่นๆ ไม่ถึงครึ่งเล่มดีนัก

* Sufficiency Economy = เศรษฐกิจพอเพียง = Localism (ฝรั่งมันบอกว่าเป็นหลักการนี้)

มีคำๆหนึ่งที่อ่านแล้วสะกิดใจ นั่นคือ “โตแบบฟองสบู่”

นั่งคิดถึงเรื่องหลายๆ อย่างที่รับรู้มา บ่อยครั้งที่เจอการบริหารแล้วโตแบบฟองสูบู่
ตั้งแต่เรื่องไกลๆ หรือ ใกล้ๆตัวผม หรือแม้แต่ตัวผมเอง
เมื่อก่อนตอนที่ผมยังไฟแรง ก็ชอบทำตัวโตแบบฟองสูบู่ นี่แหละ เพราะมั่นใจว่าแผนที่วางไว้มันจะดำเนินไปได้ด้วยดี และตามรูปแบบ
แน่นอน มันเป็นไปอย่างที่คิดตามแบบคนไฟแรงคิด แม้จะมีการแปรผันของสภาพภายนอกก็ตาม แต่ที่ไม่สำเร็จเพราะสิ่งที่เหนือความคาดหมาย นั่นคือ ตัวผมเอง และ กลุ่ม
มันเลยทำให้แผนที่คิดไว้แต่ภายนอกถูก แต่ล้มเพราะภายใน และถึงแม้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ให้มันดีขึ้น มันก็เป็นเพียงการหลบจากความสูญเสีย เป็นความ เสียสูญ แทน
กล่าวคือ ผมไม่เสียชื่อ ผมไม่เจ๊ง แต่ผมเป็นทุกข์แทน เพราะผมเปลี่ยนจากผู้เกี่ยวข้องจากภายนอกเป็นคนใกล้ตัวผมเอง ทุกวันนี้เลยโชคดีที่ว่า เขาไม่คิดอะไร และผมก็ค่อยๆ เดินต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่ตอบแทนเขาได้

ที่เล่าอย่างนี้ เพราะ ผมอาศัยคนอื่น และเร่งการโตเกินไป มันเลยกลายเป็นอาการ โตแบบฟองสูบู่ ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าอีกกี่เดือนมันจะแตก เพราะตอนนี้มันอยู่ที่ปัจจัยภายนอกที่แปลเปลี่ยน แต่ปัจจัยตัวผมเองตอนนี้ ก็พยายามสร้างงานอยู่ คิดว่าต้องเอาชนะอย่างเดียวคือความขี้เกียจนั่นแหละ ที่เป็นอุปสรรคใหญ่

มองในแง่ธรรมะ คำว่า พอเพียง มันก็คือ สายกลาง หากทำตามนี้ก็คงไม่ทุกข์ และเดินไปได้อย่างสบายๆ หากจะเจ๊ง ก็เจ๊งแบบยืนได้

นับว่าการที่ผมอารมณ์ตก มันก็ช่วยทำให้ไฟผมลดลง รอบครอบขึ้น เป็นสิ่งดี แต่ก็ทำให้งานไม่เกิดเช่นกัน

สรุป ผมไฟตก เลยต้องพอเพียง 😀

ถึงตอนนี้ คนร่วมงานกับผม คงเข้าใจนะ ว่าทำไมคุยอะไรกับผมแต่ละครั้ง ผมถึงตัดสินใจย๊าากยาก.. นั่นเพราะความเบี้ยน้อย หอยน้อย และไม่อยากเพิ่มความทุกข์ให้ตัวเองมากไปกว่านี้ก็เท่านั้นเอง ฮ่าๆ

จาก http://ifew.exteen.com/20061215/entry

Share

bla bla bla

– ผมลืมหลักการที่ผมต้องใช้ดำเนินชีวิตไปหมดสิ้น
– ผมไม่สามารถตื่นได้ตามเวลาที่กำหนด และไม่นอนต่อ
– ผมยอมโดดงานเพียงเพราะไม่สบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
– เพียงเพราะมีโอกาสโดดงาน ผมจึงอยากหาโอกาสนี้ไปนั่งดูหนัง
– หนทางไม่ไกลนัก ผมไม่สามารถเดินเองได้
– เว็บไซต์ง่ายๆ เพียง 1 เว็บ ผมไม่สามารถทำมันเสร็จได้ภายใน 1 วัน
– คำพูดเพียงไม่กี่นาทีที่ผ่านไป ผมกลับลืมมันอย่างคาดไม่ถึง
– หนังสือเพียง 200 กว่าหน้า ผมใช้เวลาอ่าน 1 เดือนก็ยังไม่จบ
– ผมลืมความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่จะปล่อยให้ชีวิตเขาเดินทางของเขาเอง
– ผมผูกตัวเองไว้กับสังคมเกินกว่าที่ควรจะเป็น
– ผมฟุ้งซ่านและเสียใจบ่อย จนอาจจะหรือทำให้คนรอบข้างผมรำคาญ
– ผมแก้ปัญหาทางใจด้วยการหมกมุ่นกับสิ่งรอบข้าง และสังคม โดยไม่ยอมแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
– ผมหวังพึ่งคนอื่นว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ได้มากเกินไป
– ผมปล่อยให้อารมณ์เหนือตัวเองมากเกินไป

เมื่อผมรู้ตัว

ผมว่าผมน่าจะกลับไปเป็นคนเดิมแล้วนะ

จาก http://ifew.exteen.com/20061130/bla-bla-bla 

Share

คำสอนจากบุคคล

ลองนั่งนึกประมวลผลเล่นๆ เรื่องคำสอนเกี่ยวกับความรัก
ผมมีโอกาสพบปะผู้คน และก็มักถูกถามเรื่องความรักบ่อยๆ
ท่านเหล่านี้ก็จะแนะนำต่างกันไป ตามสไตล์ของท่าน

ความคิดแบบนักจิตวิทยา โดย อาจารย์จิตวิทยาที่ผมนับถือ
ท่านสอนผมให้คิดว่าที่เราเป็นอยู่ ณ ขณะนี้ มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ
แม้เขาจะไม่ได้รักเรา อย่างน้อย เราเองก็ยังได้รักเขาอยู่
เขายังเป็นความงดงามในชีวิตของเรา
และทำให้เรามีความหวังที่จะทำอะไรในชีวิตให้ดีขึ้น

ความคิดแบบนักธุรกิจ โดย เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งที่จ้างผมทำงาน
ท่านสอนผมว่า อย่าพยายามนึกถึง เพราะเราคิดไปเราเสียใจเราบ้าคนเดียว
แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเราเป็นอะไรแค่ไหน เหมือนทำอะไรลงไป แล้วมันไม่เกิดอะไรขึ้่น
เราทำตัวเฉยๆ ไว้ หากยังรักเขาอยู่ ก็รอต่อไป ผมแนะนำให้ 3 ข้อ
1. อย่าไปคิดให้มันเสียใจ 2. หาอะไรทำ 3. ทำตัวเราให้มีคุณค่า
แ ล้วท่องไว้ว่า หากเป็นเนื้อคู่เรา ด่ากันแทบตาย ยังไงก็มาอยู่กับเรา แต่ถ้าไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ แต่ช่วงระหว่างรอ คุณทำ 3 ข้อที่ผมบอกด้วยแล้วกัน นี่ยังดีนะ ที่เขาทิ้งคุณ ถ้าคุณทิ้งเขา เขาจะเป้นแบบที่คุณเป็นนี่แหละ น่าสงสารเขานะ

ความคิดแบบคนที่ศึกษาธรรม โดย ผู้ใหญ่ที่ผมเพิ่งได้รู้จัก แล้วกำลังเป็นแบบที่ผมเป็น
ท่านสอนผมว่า ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา อย่าไปยึดติดเลย มันเป็นทุกข์

ความคิดแบบพระ โดย พระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมเคารพ
ท ่านสอนผมว่า ไม่มีอะไรอยู่กับเรายั่งยืนหรอก เขาอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ของเรา แต่ถ้าใช่เดี๋ยวเขาก็กลับมา แต่เราจะรอเขาหรือเปล่าล่ะ แต่อย่าไปยึดติดนะ มันเป็นทุกข์ แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ความแน่นอนเป็นสิ่งไม่แน่นอน

ฟังมาก็เยอะ สุดท้าย ผมจะคิดอย่างไรดีล่ะเนี่ย

จาก http://ifew.exteen.com/20060904/entry 

Share