มีรถเข็น (รถวีลแชร์และรถสามล้อโยก) ให้คนพิการฟรี
Category Archives: ประกาศ
ผ่าตัดต้อกระจก ต้อเนื้อ ฟอกไต ฟรี โดยบริษัททาสของแผ่นดินจำกัด
ชีวิต ที่เหลืออยู่ของ ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ เขาขอเดิน รอยตามพระยุคลบาทองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนี้แบกไว้ ไม่ใช่ความรวย ไม่ใช่ความดี แต่คือ ‘ความจน’ ที่เขาจะแบกไปตลอดชีวิต…
ผู้ ที่ประสงค์ผ่าต้อกระจกฟรี หรือต้องการฟอกไตฟรี กรุณาติดต่อไปยังโรงพยาบาลบ้านแพ้ว และนายชูศักดิ์ แก้วสุริยอร่าม บริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด อาคารพระมหากรุณาธิคุณ เลขที่ 98 ซอยสุขุมวิท 24 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. 10110
ฟอกไต : โทร. 02-262 9454-5
โรคเกี่ยวกับตา : โทร. 089-889 0097, 02-261 8213-7
โดย ผู้ป่วยที่ประสงค์ผ่าต้อกระจกฟรี กรุณาเตรียมบัตรประชาชน และบัตรทองมาด้วย และสามารถรับการตรวจได้ในวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 น.- 11.00 น.
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก :
http://www.jsl.co.th/minisite/index.php?tv=0006&sec=hilight&hilight=3909
โครงการ คืนแสงสว่างให้ผู้ป่วยต้อกระจกและต้อเนื้อ ขอเรียนเชิญผู้ป่วยทุกท่านมารับ บริการผ่าตัดต้อต้อกระจกและต้อเนื้อ ฟรี โดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
โดยมีแพทย์ของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว(องค์การมหาชน) สาขาสุขุมวิท ซอย 24
ติดต่อได้ที่
บริษัททาสของแผ่นดิน จำกัด (02-2629454-5, 02-2618213-7) เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ 8.00-17.00 น.
เลขที่ 99/359-360 ซอยสุขุมวิท 24(เกษม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
โทร 02 262 9454-5 แฟ็กซ์ 02 262 9454
**** เอกสารที่ต้องนำมาด้วย ถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรทอง อย่างละ 2 ใบ แพทย์จะทำการตรวจคนไข้ใหม่เฉพาะวันพุธและวันศุกร์ กรุณาโทรแจ้งล่วงหน้า****
คนบางคนอาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับบางคนอาจจะต้องการแสงสว่างเพื่อที่จะทำ ให้ชีวิตเค้ามีค่ามากว่าอยู่ในความมืดมัว ถ้าใครมีจิตศรัทธาที่จะทำบุญช่วยกัน บอกต่อๆไปด้วย การทำบุญด้วยการให้แสงสว่างแก่คนมาค่ามากกว่าสิ่งใดเพราะมันจะช่วยให้ชีวิต หนึ่งชีวิตที่พวกคุณหยิบยื่นไปให้ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง
* เช็คข้อมูลออกหน่วย
– โรงพยาบาลฝาง อ.ฝาง จ. เชียงใหม่
– โรงพยาบาลยุพราช ท่าบ่อ อ.ศรีเชียงใหม่ หนองคาย
– โรงพยาบาลหนองจอก อ.หนองจอก กรุงเทพฯ
– โรงพยาบาลยุพราช อ. เดชอุดม อุบลราชธานี
ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ – ทาสของแผ่นดิน
อุดมการณ์ ของคนทุกคนย่อมแตกต่างกันไป แต่มีอุดมการณ์ของผู้ชายคนหนึ่งที่เลือกแล้วที่จะทิ้งธุรกิจหลายสิบล้านของ ตัวเอง เพื่ออุทิศชีวิตทำงานเพื่อสังคม อุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศ เพราะเขาปวารณาตัวแล้วว่า จะเป็นข้าทาสของแผ่นดิน มีนายเพียงคนเดียวคือ พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย
เขา ผู้นั้นคือ ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ผู้ชายที่หาเงินได้หลายสิบล้านด้วยธุรกิจส่งออก แต่ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแผ่นดินที่ตัวเองเกิด รวมถึงจุดเปลี่ยนที่เคยเฉียดตายมาแล้วจากการถูกลอบยิงที่ศีรษะ พอลุกขึ้นมาได้เขาก็ทำโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ฟอกไตฟรีให้กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศ โดยใช้เงินของเขาเองทุกบาททุกสตางค์
‘ชีวิต ของผมตั้งใจเดินตามพระยุคลบาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดินผิดไม่คิดจนตัวตาย มีแต่ความเจริญทั้งนั้น ไม่เจริญกับเรา ก็เจริญกับประเทศชาติ เจริญกับประชาชนผู้ยากจน เจริญกับวงศาคณาญาติหรือครอบครัวของเรา เพราะว่าเดินตามพระองค์ท่าน ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตไม่โกงกินแผ่นดิน และต้องไม่โกงกินผู้อื่น และต้องทำงานด้วยความเต็มใจทำ แล้วก็ต้องรักแผ่นดินให้อยู่เหนือตัวเราเอง เค้าจะเรียกว่าทาสของแผ่นดิน
‘รพ.บ้าน แพ้ว เป็นของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน ไม่ใช่ของเอกชน ประชาชนทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นของประชาชนได้ ถ้าคนยากคนจนติดต่อมารักษาฟรีหมดเลย ค่ารถค่าเดินทางก็ฟรี เราจะดูแลทุกอย่างให้อย่างดี ไกลที่สุดที่เคยมาอยู่ที่เชียงของ โดยที่เราไปรับมา คุณจะอยู่ที่ตรงไหน เราจะไปรับคุณที่ตรงนั้น ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ผ่ามาหมด ทำให้เสร็จ’
หลายคนมองว่าเขาติ๊งต๊อง แต่เขาทำด้วยใจจริงๆ แล้วไม่ยอมรับเงินบริจาคของใครด้วย โดยเขาบอกว่าหากใครจะเอาเงินมาช่วยทำ ก็เอาเงินจำนวนนั้นไปช่วยเหลือประชาชนได้เลย
เรื่องราวชีวิต มุมมองความคิดของเขาผู้นี้ได้ถูกถ่ายทอดออกอากาศในรายการ ‘เจาะใจ’ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2551 ทางช่อง 5 ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ทาสของแผ่นดิน
http://www.jsl.co.th/minisite/index.php?tv=0006&sec=hilight&hilight=3909
ความดีที่ไม่สิ้นสุด คือ การอุทิศอวัยวะเมื่อยามสิ้นสูญ
“…ตามหลักศาสนานั้น ให้สิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งดีมากอีกร้อยเท่าพันเท่า อย่าเชื่อว่า ถ้าบริจาคดวงตา จะทำให้ตาพิการ บริจาคแขนขา จะทำให้เสียส่วนนั้น ส่วนนี้ไป ถ้าให้แล้วจะมีผลออกมาเป็นความสมบูรณ์ ยิ่งให้ส่วนใด ของตนไป ความสมบูรณ์ จะมาเกิด…ตรงกันข้าม กับคนที่หลอกว่าให้ตาแล้ว จะไม่มีดวงตา ให้อวัยวะไปแล้ว จะพิการส่วนนั้นพิการส่วนนี้ เป็นเรื่องเข้าใจ ไม่ถูก เพราะถือว่า เป็นอุกฤษฎ์บารมี เป็นทานชั้นสูง เป็นปรมัตถ์ทาน ทานที่ บริจาคได้แม้กระทั่ง อวัยวะ เลือดเนื้อ ชีวิต ซึ่งถือ เป็นทานสูงสุด เป็นคนใจสูง เท่านั้นที่จะทำได้”
พระพิศาลธรรมพาที (พระพยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว
(รายการความรู้คือประทีป สถานีโทรทัศน์ ช่อง ๙ อ.ส.ม.ท. ๑๒ เม.ย.๒๕๓๗)
“…โดยพื้นฐานความเข้าใจว่า ชีวิตของมนุษย์ขึ้นอยู่กับพระเจ้า และมาจากพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์มา จึงเป็นกรรมสิทธิ์ชีวิตมนุษย์ มนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเอง เป็นข้อแรกที่สำคัญ ข้อที่สองคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง มนุษย์กับพระเป็นเจ้า และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อพูดถึงเรื่องการบริจาคอวัยวะขอแบ่งเป็น ๒ ตัวอย่าง คือ ขณะที่มีชีวิตอยู่ โดยหลักการเราทำไม่ได้ เพราะเป็นการทำให้ร่างกายเราพิการไป แต่ทำได้เพื่อความดี เพื่อช่วยเหลือชีวิตของคนอื่นให้รอด ส่วนอีกกรณีที่เมื่อเสียชีวิตไป การอุทิศชีวิตของตัวเองเพื่อการแพทย์ จะได้นำอวัยวะของเรา ไปช่วยชีวิต ของเพื่อน มนุษย์คนอื่น ที่รอรับอวัยวะเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่โดยธรรมเนียมของคาทอลิก จะเชื่อคำสอนที่ว่า เมื่อตายแล้วจะกลับเป็นขึ้นมาใหม่ โดยธรรมเนียมและการปฏิบัติเราไม่ได้ส่งเสริม และทำในเรื่องนี้ ที่ผ่านมาถือว่าเป็นการตายและฝังตามปกติ ในสมัยนี้เมื่อการแพทย์เจริญขึ้น สามารถที่จะตัดต่อ หรือทำให้อวัยวะของเราเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ก็คิดว่า เรื่องคำสอน ของศาสนาคาทอลิก สามารถที่จะทำได้ เป็นการอุทิศร่างกายของเรา ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น เป็นการต่ออายุผู้อื่นให้มีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต”
บาทหลวงวรยุทธ กิจบำรุง ร.ร.อัสสัมชัญ บางรัก
(รายการความรู้คือประทีป สถานีโทรทัศน์ ช่อง ๙ อ.ส.ม.ท. ๑๒ ก.ย.๒๕๓๗)
“…การเกิดใหม่ไม่ได้เอาร่างกายไป…ร่างกายในภพนี้ไม่เป็นตัวเอื้อเกิดในภพหน้า แต่เป็นสภาวะของจิต สภาวะของจิตเป็นอำนาจที่จะส่งไปเพื่อที่จะปฏิสนธิใหม่ ถ้ามีโอกาส ที่จะเกิดใหม่ด้วยกุศลจิต เป็นจิตที่มีความเยือกเย็น จิตที่มีความสุขกับการให้ เป็นจิตที่ เต็มเปี่ยม ที่ทำให้การเกิดครั้งใหม่ มีอวัยวะครบถ้วนและงดงามด้วยจิตใจ…” “ลองถามความรู้สึกของเราดูว่า ถ้าเห็นอวัยวะที่สำคัญของบุคคลที่เรารัก ยังเติบโต และใช้การได้ดีในชีวิตของคนอีกคน จะไม่เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจของคนที่ยังอยู่หรือ เมื่อเรา ได้เห็นว่าชีวิตของท่านไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เป็นลูกเป็นเพื่อนของเรา คือเขายังอยู่ คนที่เรารัก ยังอยู่ ในชีวิตของคนอีกคนหนึ่ง ความรู้สึกของเราเป็นอย่างไร เราต้องถามตรงนี้ให้ดี และเราถึงจะรู้ ว่าการให้ไม่ใช่การสูญเสียแต่เป็นการได้มา”
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เสถียรธรรมสถาน
(รายการกฎแห่งกรรม สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕ ๑๗ ส.ค.๒๕๓๗)
———————————————————————
การอุทิศอวัยวะ จะต้องทำอย่างไร ?
การอุทิศอวัยวะจะต้องแสดงความยินยอมขณะที่ยังมีชีวิตอยู่โดยการกรอกใบแสดงความจำนง
บริจาคอวัยวะหรือญาติจะเป็นผู้แสดงความยินยอมมอบอวัยวะนั้นเพื่อเป็นทานให้กับศูนย์รับบริจาค
อวัยวะสภากาชาดไทย บุคคลที่ต้องการบริจาคอวัยวะควรมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดในการบริจาค
ข้อกำหนด ในการบริจาคอวัยวะ
1. ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี
2. เสียชีวิตจากภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่างๆ
3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
5. อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี
6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ
การแสดงความจำนง ในการบริจาคอวัยวะ
1. กรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้ชัดเจน ที่อยู่ควรจะตรงกับทะเบียนบ้าน (หากต้องการให้ส่งบัตรประจำตัวไปยังสถานที่อื่น กรุณาระบุ)
2. เมื่อศูนย์รับบริจาคอวัยะฯ ได้รับข้อความแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะของท่านแล้ว ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ จะส่งบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะให้ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้
4. หลังจากที่ท่านได้รับบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ แล้ว อย่าลืมกรอกชื่อ และรายละเอียดการบริจาคลงในบัตร
5. กรุณาเก็บบัตรประจำตัวผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้กับตัวท่าน หากสูญหายกรุณาติดต่อกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาดไทย
กรุณาแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลในครอบครัวหรือญาติให้รับทราบก่อน…
บริจาคอวัยวะคลิกที่นี่
อ้างอิงจาก ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย