Category Archives: พุทธศาสนา

ความสุข สิ่งที่ใคร ๆ ต่างไขว่ขว้า

ความสุข สิ่งที่ใคร ๆ ต่างไขว่ขว้า

คุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่ง

หลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จัก

ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไร

คุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุด

แล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕ %

คุณตัดสินใจควักเงิน ๗ ,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้าน

ด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก

แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง

แต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณ

แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไปเพียง ๕, ๐๐๐ บาทเท่านั้น

คุณจะรู้สึกอย่างไร ? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ?

ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป

อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ ?

แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเอง

เป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่ ?

คุณมีกล้องดีที่น่าพอใจ แต่ทันทีที่คุณไปเปรียบเทียบกับกล้องของคนอื่น

ความรู้สึกไม่พอใจก็เข้ามาแทนที่ คนเราไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีก็เพราะเหตุนี้

จึงมีผู้กล่าวว่าการเปรียบเทียบเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์

เคยสังเกตหรือไม่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักคิดว่ารถของคนอื่นดีกว่ารถของตัว

แฟนของคนอื่นสวย(หรือหล่อ)กว่าแฟนของตัว ลูกของคนอื่นเก่งกว่าลูกของตัว

และอาหารที่คนอื่นสั่งมักน่ากินกว่าจานของตัว

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ชีวิตจะหาความสุขได้ยาก

แม้จะได้มามากเท่าไร ก็ไม่พอใจเสียที


อย่าว่าแต่ของที่ซื้อมาด้วยเงินของตัวเลย แม้ของที่เราได้มาฟรี ๆ

เช่น ได้โทรศัพท์มือ ถือมาฟรี ๆ ๑ เครื่อง

ที่จริงน่าจะดีใจ แต่เมื่อรู้ว่าคนอื่นได้รับแจกรุ่นที่ดีกว่าและแพงกว่า

จากเดิมที่เคยยิ้มจะหุบทันที
แถมยังจะทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้รับแจกด้วยซ้ำ

นั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นใช่ไหม
?

ทั้งๆ ที่ตนมีโชคแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตนโชคไม่ดีเหมือนคนอื่น


ความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป

เราจึงไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีเพียงใด

ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ ผมไม่สลวย ผิวคล้ำไป

แถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดารา

แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมี

มองเห็นแง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่

ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้นมามากมายทันที

จิตใจจะเบาขึ้น และชีวิตจะหายเหนื่อย

เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องวิ่งไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ มากมาย

เพียงเพื่อจะได้มีเหมือนคนอื่นเขา


พอใจในสิ่งที่เรามี

ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น

เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัว

นี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบายและสงบเย็น

โดย พระไพศาล วิสาโล

Share

พระโอวาทของท่านอรหันต์จี้กง

พระโอวาทของท่านอรหันต์จี้กง

อ่านแล้วเก็บรักษา บุญรักษาเนืองนอง
รู้แล้วบอกทั่วกัน บุญกุศลเรืองรอง

  1. ชีวิตย่อมเป็นไปตามลิขิต (ละชั่วทำดี)      วอนขออะไร
  2. วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้      กลุ้มเรื่องอะไร
  3. ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์      เคารพทำไม
  4. พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา      ทะเลาะกันทำไม
  5. ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต       ห่วงใยทำไม
  6. ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ      ร้อนใจทำไม
  7. ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย       ทุกข์ใจทำไม
  8. ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้       อวดโก้ทำไม
  9. อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร      อร่อยไปใย
  10. ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้      ขี้เหนียวทำไม
  11. ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง       โกงกันทำไม
  12. โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย       โลภมากทำไม
  13. สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต       ข่มเหงกันทำไม
  14. ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน       หยิ่งผยองทำไม
  15. ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต      อิจฉากันทำไม
  16. ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ       แค้นใจทำไม (บำเพ็ญไวไว)
  17. นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ      เล่นการพนันทำไม
  18. ครองเรือนด้วยความประหยัดดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น      สุรุ่ยสุร่ายทำไม
  19. จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น      อาฆาตทำไม
  20. ชีวิตเหมือนเกมหมากรุก       คิดลึกทำไม
  21. ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้       รู้มากทำไม
  22. พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด       โกหกทำไม
  23. ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วไปในที่สุด       โต้เถียงกันทำไม
  24. ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด       หัวเราะเยาะกันทำไม
  25. ฮวงซุ้ยที่ดีอยู่ในจิตไม่ใช่อยู่ที่ภูเขา       แสวงหาทำไม
  26. ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ       ถามโหรเรื่องอะไร
  27. ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย       วุ่นวายทำไม
Share

วิ่งตามอะไรกันในชีวิต

มีเรื่องเล่าว่า… มีพระองค์หนึ่ง…ชอบทำอะไรแปลกๆ…
วันหนึ่ง…พวกกรุงเทพฯ…เอากฐินไปทอดที่วัด…

จัดงานกันใหญ่โต…มีหนัง…มีลิเก…มีดนตรี…ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน…
ก่อนทอดกฐิน..ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา…
หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา…
บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง…แล้วเอาเชือกมาด้วย…
หลวงพ่อจัดการ…เอาเนื้อ…ผูกติดกับหลังหมา…

ผูกเสร็จ…ก็ปล่อยหมา …
หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง…ก็ไล่งับ…
พอหัวโดดงับ…ตัวก็ขยับหนี…
เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง…
ยิ่งโดดงับเร็ว…ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว…
โดดไม่หยุด…เนื้อก็หนีไม่หยุด…น่าสงสารหมามาก…

หมาโดดอยู่นาน…งับเท่าไหร่…เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที…
ผู้คนบนศาลา…พากันหัวเราะชอบใจ…
หัวเราะเยาะหมา…ว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้…
ไล่งับ…จะกินเนื้อ…ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต…

หลวงพ่อ…มองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว…
ก็แก้เชือกออกมากหลังหมา…
แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า…

มนุษย์เรา…มีความรู้สึกว่า…ตัวเองพร่อง…ตัวเองยังไม่เต็ม…
ต้องเติมตลอดเวลา…เติมไม่หยุด…เพื่อให้ตัวเองเต็ม…

เราอยากสวย…อยากทันสมัย…
ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด…ทันสมัยที่สุดใส่…
ดีใจได้เดือนเดียว…มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว…สวยกว่า…ทันสมัยกว่า…
อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่…
ซื้อเสร็จ ๓ เดือน…รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว…

ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด…
๒ เดือนต่อมา…มีรุ่นใหม่กว่าออกมา…ของเราตกรุ่น…

ซื้อรถเบนซ์…ทันสมัยที่สุด…แพงมาก…
ขับได้ ๖ เดือน…มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว…
ทันสมัยกว่า…แพงกว่า…ของเรากลายเป็นเชย…

เราต้องก้มหน้าก้มตา…ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน…หาเงินมา…
เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย…
ซื้อเสื้อผ้าใหม่…มือถือใหม่…คอมพิวเตอร์ใหม่…รถยนต์คันใหม่…
เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส…
เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น…

ปัจจุบัน…
เรากำลังไล่งับความทันสมัย…เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน…
ทั้งที่รู้ว่า…ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต…ก็ไม่มีทางตามทัน…
น่าสงสารไหมโยม…

คนเต็มศาลา…เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น…
ด่าว่า…หมามันโง่…
ตอนนี้เงียบสนิท…เหมือนไม่มีคนอยู่…

ไม่รู้ว่า…กำลังสงสารหมา…
หรือ…กำลังทบทวนความโง่…ตัวเอง

http://www.dotsis.net/index.php?showtopic=13702

Share